Page 19 - คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง(Palliative Care) แบบบูรณาการ
P. 19
18 คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง (Palliative Care)
ฤทธิ์เย็นมาเช็ด ถ้าร่างกายเย็นเกินหรือรู้สึกไม่สบายจากอาการเย็นเกินให้เช็ดตัวด้วยน�า้อุ่นหรือสมุนไพรฤทธิ์เย็น
ผ่านไฟ หรือสมุนไพรฤทธิ์เย็นผสมฤทธิ์ร้อน หรือสมุนไพรฤทธิ์ร้อนอย่างเดียวตามแต่สภาพร่างกายและความรู้สึก
สบายของผู้ป่วย
- รวมถึงการปรับสมดุลด้วยวิธีการอื่นๆ ที่ไม่รบกวนความสงบของผู้ป่วยมากจนเกินไป และสามารถลดทุกข์
ทรมานหรือผู้ป่วยรู้สึกสบายกายสบายใจที่สุด
ด้านจิตใจ
1) ให้ความรักความเห็นอกเห็นใจ คนไข้ส่วนใหญ่กลัวตาย กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวที่จะตายอย่างอ้างว้าง กลัว
สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าหลังจากเสียชีวิต ความกลัวดังกล่าวสร้างความทุกข์ให้แก่ผู้ป่วยยิ่งกว่าความเจ็บป่วยทางกายด้วย
ซ�้า ความรักและก�าลังใจจากลูกหลานรวมถึงผู้ดูแลเป็นสิ่งส�าคัญ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในยามนี้ซึ่งจะสามารถ
ลดทอนความกลัวและช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความมั่นคงในจิตใจได้พึงระลึกว่าผู้ป่วยระยะสุดท้ายนั้นมีสภาพจิตใจที่เปราะ
บางอ่อนแออย่างมาก เขาต้องการใครสักคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้และพร้อมจะอยู่กับเขาในยามวิกฤต หากมีใครสัก
คนที่พร้อมจะให้ความรักแก่เขาได้อย่างเต็มเปี่ยมหรือไม่มีเงื่อนไข เขาจะมีก�าลังใจเผชิญกับความทุกข์นานาประการ
ความอดทน อดกลั้น เห็นอกเห็นใจ อ่อนโยนและให้อภัยไม่แสดงอาการขุ่นเคืองฉุนเฉียว ความสงบและความอ่อน
โยนของเราจะช่วยให้ผู้ป่วยสงบนิ่งได้เร็วขึ้น
2) ช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความตายที่จะมาถึง
การรู้ว่าวาระสุดท้ายของตนใกล้จะมาถึงช่วยให้ผู้ป่วยมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจในขณะที่สังขารยังเอื้ออ�านวย
อยู่ แต่มีผู้ป่วยจ�านวนมากที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หายและอาการได้ลุกลามถึงระยะสุดท้ายแล้ว
การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยปกปิดความจริงไม่ให้ผู้ป่วยรับรู้ย่อมท�าให้เขามีเวลาเตรียมตัวได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม
การเปิดเผยความจริงซึ่งเป็นข่าวร้ายโดยไม่ได้เตรียมใจเขาไว้ก่อนก็อาจท�าให้เขามีอาการทรุดหนักกว่าเดิม โดยทั่วไป
แพทย์จะมีบทบาทส�าคัญในเรื่องนี้โดยเฉพาะหลังจากที่ได้สร้างสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดหรือได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วย
แล้ว แม้กระนั้นการท�าให้ผู้ป่วยยอมรับความตายที่ก�าลังจะเกิดขึ้นมักเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน คนรอบข้างทุก
คนจะต้องมีความอดทนและพร้อมที่จะฟังความในใจจากผู้ป่วย
แต่บางครั้งญาติมักคิดว่าการปกปิดความจริงเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่จากประสบการณ์ 10 กว่าปี ที่ได้ดูแลผู้ป่วย
ระยะสุดท้ายผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องการให้เปิดเผยความจริงมากกว่าที่จะปกปิด และถึงจะปกปิดในที่สุดผู้ป่วยก็ย่อมรู้จน
ได้จากการสังเกตอากัปกิริยาของลูกหลานญาติมิตรที่เปลี่ยนไป เช่น ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้ม หรือจากเสียงพูดที่ค่อยลงหรือ
จากการเอาอกเอาใจที่มีมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อบอกข่าวร้ายแล้ว ใช่ว่าผู้ป่วยจะยอมรับความจริงได้ทุกคน สาเหตุอาจจะมีมากกว่าความ
กลัวตาย เป็นไปได้ว่าเขามีภารกิจบางอย่างที่ยังคั่งค้างอยู่หรือมีความกังวลกับเรื่องบางเรื่อง ญาติมิตรควรช่วยให้เขา
ได้เปิดเผยหรือระบายออกมาเพื่อบรรเทาและเยียวยา หากเขามั่นใจว่ามีคนที่พร้อมจะเข้าใจเขา เขาจะรู้สึกปลอดภัย
ที่จะเผยความในใจออกมา ขณะเดียวกันการซักถามที่เหมาะสมอาจช่วยให้เขาระลึกรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ท�าให้เขามิอาจ
ยอมรับความตายได้ ท�าให้เขาได้คิดขึ้นมาว่าความตายเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้และไม่จ�าต้องลงเอยเลวร้ายอย่างที่
เขากลัว สิ่งที่ญาติมิตรพึงตระหนักในขั้นตอนนี้คือการรับฟังเขาด้วยใจที่เปิดกว้างและเห็นอกเห็นใจ พร้อมจะยอมรับ
เขาตามความเป็นจริง และให้ความส�าคัญกับการซักถามมากกว่าการเทศนาสั่งสอน
3) ช่วยให้จิตใจจดจ่อกับสิ่งดีงาม
การนึกถึงสิ่งดีงามช่วยให้จิตใจเป็นกุศลและบังเกิดความสงบ ท�าให้ความกลัวคุกคามจิตใจได้น้อยลงและ
สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้ดีขึ้น สิ่งที่พระพุทธเจ้าและพระสาวกมักแนะน�าให้ผู้ใกล้ตายปฏิบัติคือการระลึกถึง
และมีศรัทธามั่นในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เราสามารถน้อมน�าให้ผู้ป่วยนึกถึงสิ่งที่ดีงาม
ได้หลายวิธี เช่น น�าเอาพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนภาพครูบาอาจารย์มาตั้งไว้ในห้องเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง
หรือชักชวนผู้ป่วยท�าวัตรสวดมนต์ร่วมกัน การอ่านหนังสือธรรมะให้ฟัง เปิดเทปบรรยายหรือบทสวด เป็นอีกวิธีที่ช่วย
น้อมจิตของผู้ป่วยให้บังเกิดความสงบและความสว่าง การนิมนต์พระมาเยี่ยมและแนะน�าการเตรียมใจ ยิ่งเป็นพระที่
ผู้ป่วยเคารพนับถือจะช่วยให้ก�าลังใจแก่เขาได้มาก อย่างไรก็ตามควรค�านึงถึงวัฒนธรรมและความคุ้นเคยของผู้ป่วย
ด้วย