Page 58 - วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2564
P. 58

288 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก        ปีที่ 19  ฉบับที่ 2  พฤษภาคม-สิงหาคม 2564




           ธรรมชาติ ซึ่ง 80% ของผู้ป่วยจะหายได้เอง ความ  ได้มีการน�ายาที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหาร
           สามารถในการก�าจัดไวรัสได้เร็ว หรืออาการหายไปได้  และยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และยาสมุนไพร

           เร็วกว่าที่ร่างกายจัดการได้เอง และ อาการของโรคที่  จ�านวนมากมาทดสอบในหลอดทดลอง พบว่ามียาและ
           ไม่รุนแรงขึ้น จึงเป็นตัววัดที่ส�าคัญ ทั้งนี้หากไม่มีกลุ่ม  สมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ต้าน SARS-CoV-2 [9-11]  และ
           ควบคุมคือผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก ก็คงจะตอบค�าถาม  มียาหลายชนิดได้รับการคัดเลือกให้พัฒนาต่อเพื่อ

           นี้ได้ยาก รูปแบบของการวิจัยหากเป็น double –   เป็นยาส�าหรับรักษาโควิด-19 [12-13]  เช่น ยามาลาเรีย
           blinded, randomized - placebo control ก็จะลด  (คลอโรควิน และไฮดร็อกซีคลอโรควิน) ยาถ่ายพยาธิ
           ความเสี่ยงของอคติได้ ส่วนการรักษาผู้ป่วยในระยะที่   (ไอเวอร์เม็กติน-ivermectin) และยาแก้ไข้หวัดใหญ่

           2 ซึ่งโรคได้ลุกลามไปที่ปอด ตัววัดผลที่ส�าคัญน่าจะ  (ฟาวิพิราเวียร์ – favipiravir) และสมุนไพรฟ้าทะลาย
           เป็นการยับยั้ง หรือลดการลุกลามของการอักเสบของ  โจร เป็นต้น ส�าหรับยาคลอโรควินและไฮดร็อกซีคลอ-
           ปอด ระยะเวลาคืนตัวของอาการอักเสบของปอด รวม  โรควินนั้น มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะใน

           ทั้งการลดความต้องการใส่ท่อหายใจ บทบาทของยา  ช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ด�ารงต�าแหน่งประธานาธิบดี
           ต้านไวรัสยังส�าคัญโดยเฉพาะในช่วงต้นของระยะที่ 2   ซึ่งได้เสนอแนะให้ US FDA อนุมัติการใช้ยาคลอโร-

           นี้ และบทบาทของยาต้านอักเสบจะเริ่มมีมากขึ้นใน  ควินและไฮดร็อกซีคลอโรควินส�าหรับการรักษาโควิด-
                           [3]
           ช่วงหลังของระยะที่ 2  ส่วนระยะที่ 3 เป็นระยะวิกฤติ   19 โดยในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 US FDA ได้อนุมัติ
           ผู้ป่วยมีการอักเสบที่รุนแรง มี cytokine storm พบ  ให้มีการใช้ยาทั้งสองชนิดนี้ได้ในกรณีฉุกเฉิน (emer-

           ว่ามีระดับของไซโตไคน์เพิ่มขึ้น ตัววัดผลส�าคัญน่าจะ  gency use authorization - EUA) เพื่อรักษาผู้ป่วย
           เป็นการลดอัตราการตาย การลดความต้องการและ    โรคโควิด-19 ท�าให้แพทย์สามารถสั่งจ่ายยาทั้งสอง

           เวลาในการใช้เครื่องช่วยหายใจ การรักษาจึงมุ่งไปที่  ชนิดในการรักษาผู้ป่วยที่ก�าลังรักษาตัวในโรงพยาบาล
           การจัดการกับกระบวนการอักเสบ และการจัดการกับ  ได้ภายใต้ EUA นี้ แต่ต่อมาในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.
           สภาวะ cytokine storm การยับยั้งไซโตไคน์ที่  2563 US FDA ได้ถอนยาทั้งสองออกจากการใช้ใน

                              [3-4]
           เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ IL-6  ยาที่ไปช่วยลดการอักเสบ  กรณีฉุกเฉิน เนื่องจากพบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า
           และ immune modulator จึงมีบทบาทมากที่สุดใน  ยาคลอโรควินและไฮดร็อกซีคลอโรควินไม่มีประสิทธิผล
           ระยะวิกฤตินี้                               เพียงพอในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และผู้ป่วย
                     [8]
                จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันยาที่ใช้ส�าหรับโควิด-19   อาจจะยังต้องเสี่ยงกับอาการข้างเคียงที่มีอันตรายต่อ
                                                            [14]
           มีค่อนข้างจ�ากัด เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ ใน  ชีวิตได้  ในประเทศไทยได้มีการน�ายาคลอโรควิน
           สถานการณ์ที่มีการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก จึง  และไฮดร็อกซีคลอโรควิน มาใช้ในโรคโควิด-19 ใน

           จ�าเป็นต้องมีการค้นหายาใหม่เพื่อใช้ในการต่อสู้กับ  ช่วงแรก ๆ ของการระบาดเช่นเดียวกัน แต่ต่อมาได้
           การระบาดของโรคใหม่ ซึ่งหากต้องเริ่มพัฒนายาใหม่  เลิกใช้ไปหลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้คัดค้านการ

                                                                [2]
           จะต้องใช้เวลานานหลายปี การน�ายาที่ได้รับการอนุมัติ  ใช้ยาทั้งสอง  ส่วนยาไอเวอร์เม็กติน นั้น ส�านักงาน
           ส�าหรับโรคอื่นมาพัฒนาต่อจึงกลายเป็นกลยุทธ์ในการ  คณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทยยังไม่
                                                                                 [15]
           ตอบสนองต่อโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ได้อย่างทันท่วงที   แนะน�าให้ใช้ส�าหรับโรคโควิด-19  อย่างไรก็ตาม
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63