Page 91 - คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง(Palliative Care) แบบบูรณาการ
P. 91
90 คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง (Palliative Care)
กรองเอากากสมุนไพรออก แล้วน�าส่วนของเหลวที่ได้มาเคี่ยวต่อด้วยอุณหภูมิต�่าจนเหลือ 1 ใน 3 ของปริมาตรทั้งหมด
แล้วน�ามาท�าแห้งส่วนของของเหลวที่ได้ด้วยวิธีท�าแห้งแบบเยือกแข็ง (freeze dry) น�าสารสกัดมาทดสอบฤทธิ์
ต้านเซลล์มะเร็ง 5 ชนิด
ผลการศึกษาฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดสมุนไพรเดี่ยวและต�ารับยา
เบญจอ�ามฤตทั้งชั้นน�้าและชั้นเอทานอล95% พบว่าต�ารับยาเบญจอ�ามฤต มีค่าปริมาณความชื้นสูงกว่ามาตรฐาน
เพราะมีดีเกลือเป็นส่วนประกอบประมาณ 1 ใน 3 ส่วนของต�ารับ ส่วนปริมาณเถ้าทั้งหมดและเถ้าที่ไม่ละลายในกรด
ซึ่งแสดงการปนเปื้อนของวัตถุดิบ พบว่าดีเกลือมีปริมาณเถ้าทั้งหมดและเถ้าที่ไม่ละลายในกรดสูงที่สุด คือ 54.796%
และ 3.724% ตามล�าดับ การทดสอบปริมาณสารสกัดด้วยตัวท�าละลาย พบว่ายาด�า(ยางของว่านหางจระเข้)
ให้ปริมาณสารสกัดด้วยเอทานอลสูงสุด คือ 100% เพราะยาด�าละลายหมดในเอทานอล95% และดีเกลือให้ปริมาณ
สารสกัดการสกัดด้วยน�้าสูงที่สุด คือ 75.62% ส่วนสมุนไพรต�ารับยาเบญจอ�ามฤตมีปริมาณสารสกัดด้วยเอทานอล
และน�้า คือ 15.25% และ 49.60% ตามล�าดับ การวิเคราะห์การปนเปื้อนโลหะหนักของวัตถุดิบสมุนไพรทั้ง 9 ชนิด
ไม่พบว่ามีสมุนไพรชนิดใดที่มีปริมาณโลหะเกินมาตรฐานที่ก�าหนด และการวิเคราะห์ปริมาณสารส�าคัญด้วย
แก๊สโครมาโตรกราฟี พบว่าสารที่มีปริมาณสูงสุด คือ สาร Androsterene และเมื่อน�าสารสกัดชั้นเอทานอล 95%
มาทดสอบความคงตัวแล้วน�ามาวิเคราะห์ปริมาณองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงไป พบว่าสาร Androsterene นั้นไม่ได้
ลดลง แต่กลับมีปริมาณเพิ่มขึ้นต่างกับสารอื่นๆ ที่มีการลดลง หรือเกิดสารใหม่ขึ้นในเวลาถัดมา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อ
ทดสอบฤทธิ์ต้านมะเร็งตับพบว่าฤทธิ์ต้านมะเร็งยังคงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเก็บในสภาวะเร่ง และสารสกัด
สามารถเก็บได้นานเกินสองปี
ผลการศึกษาฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งด้วยวิธี SRB Assay ส�าหรับเซลล์มะเร็งตับ (HepG2)
เซลล์มะเร็งล�าไส้ (LS-174T) เซลล์มะเร็งปอด (COR-L23) เซลล์มะเร็งปากมดลูก (Hela) เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก
(PC3) โดยเปรียบเทียบกับเซลล์ปกติของปอด (MRC-5) พบว่าไม่มีสารสกัดชั้นน�้าตัวใดที่มีฤทธิ์ความเป็นพิษต่อ
เซลล์มะเร็ง สารสกัดชั้นเอทธานอลที่มีฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งตับ (HepG2) ดีที่สุด 3 ล�าดับแรก
คือ สารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤต สารสกัดรงทอง และสารสกัดสารสกัดทนดี ซึ่งมีค่า IC เท่ากับ 0.22, 0.62
50
และ 3.03 g/ml ตามล�าดับ ผลของสารสกัดที่มีต่อเซลล์มะเร็งล�าไส้ (LS-174T) ดีที่สุด 3 ล�าดับแรก คือ
สารสกัดรงทอง สารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤต และสารสกัดพริกไทยด�า ซึ่งมีค่า IC เท่ากับ 0.24, 4.95 และ
50
5.67 g/ml ตามล�าดับ สารสกัดที่มีฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอด (COR-L23) ดีที่สุด 3 ล�าดับแรก
คือ สารสกัดรงทอง ต�ารับยาเบญจอ�ามฤตและสารสกัดทนดี มีค่า IC เท่ากับ 0.11, 2.13 และ 16.09 g/ml
50
ตามล�าดับ สารสกัดที่มีฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปากมดลูก (Hela) ดีที่สุด 3 ล�าดับแรก คือ สารสกัดรงทอง
สารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤต และสารสกัดขิง ซึ่งมีค่า IC เท่ากับ 0.52, 5.22 และ 28.21 g/ml
50
ตามล�าดับ และสารสกัดที่มีฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก (PC3) ดีที่สุด 3 ล�าดับแรก คือ สารสกัด
รงทอง สารสกัดพริกไทยด�า และสารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤต ซึ่งมีค่า IC เท่ากับ 0.73, 4.52 และ
50
4.59 g/ml ตามล�าดับ ซึ่งจากผลการทดสอบกับเซลล์มะเร็ง จะสังเกตได้ว่ารงทองมีฤทธิ์ในการยับยั้ง
ความเป็นพิษของเซลล์มะเร็งได้ดีที่สุดในเกือบทุกเซลล์มะเร็ง รองลงมา คือ สารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤต
ชั้นเอทานอล 95% ซึ่งใช้ปริมาณสารสกัดน้อยมาก เมื่อน�ามาทดสอบกับเซลล์ปอดปกติ พบว่าก็มีเพียงรงทอง
และสารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤตชั้นแอลกอฮอล์ 95% เท่านั้น ที่มีความเป็นพิษกับเซลล์ปกติ คือ มีค่า IC
50
เท่ากับ <1 และ 5.95 g/ml ตามล�าดับ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบค่า Selective index หรือความต่าง
ของค่า IC ของเซลล์ปอดปกติกับเซลล์มะเร็งตับพบว่าค่าความต่างของเซลล์มะเร็งกับเซลล์ปกติ ของต�ารับ
50
ยาเบญจอมฤตโดยดูจากค่าของ IC เป็น 27 เท่า (5.95/0.22) แสดงว่าเบญจอมฤตมีความเป็นพิษต่อเซลล์
50
มะเร็งตับมากกว่าเซลล์ปกติ 27 เท่า แสดงว่ายาเบญจอ�ามฤตมีความจ�าเพาะกับมะเร็งตับมากที่สุดซึ่งความรู้นี้
สามารถสนับสนุนการใช้รักษามะเร็งตับของหมอแผนไทย ดังนั้นจึงได้น�ามาท�าเป็นยาเม็ด พบว่ายาเม็ดมีความคงตัว
ทั้งฤทธิ์ต้านมะเร็งและสาระส�าคัญ
นอกจากนี้ยังได้ศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดเดี่ยวและสารสกัดต�ารับยาเบญจอ�ามฤตทั้งชั้นน�้า
และชั้นเอทานอล 95% ด้วยวิธีทางเคมี คือ DPPH assay เมื่อเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน BHT ที่มีค่า EC
50