Page 28 - คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง(Palliative Care) แบบบูรณาการ
P. 28
แนวคิด หลักการ องค์ความรู้พื้นฐาน 27
แน่น หายใจไม่ออก ในการซักประวัติผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่เป็นมูลเหตุท�าให้เกิดโรค แนะน�าให้ผู้ป่วยหยุด
พฤติกรรมนั้น
2. การตรวจประเมินกลุ่มเสี่ยง อาการเริ่มต้นก่อนเป็นมะเร็งตับ ที่ต้องให้การระมัดระวังและแก้ไข
ตั้งแต่เนิ่นๆ ได้แก่
1) อาหารไม่ย่อย
2) ท้องอืด เฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว เนื่องจากไฟย่อยผิดปกติ ตับเป็นผู้สร้างไฟย่อย ถ้าไฟก�าเริบ หรือไฟหย่อน
ย่อมแสดงถึงการเริ่มมีความผิดปกติของตับ บางครั้ง การตรวจผู้ป่วยโดยการดมที่ปากผู้ป่วยจะได้กลิ่น
เหม็นเปรี้ยว
3) ถ่ายยาก ท้องผูก ซึ่งเป็นผลตามมาจากความร้อนที่ตับหรือตับร้อนจากเหตุดังกล่าวข้างต้น
4) ปวดเสียดที่ชายโครงขวา คือ ลมปิตะคุละมะ เนื่องจากมีก�าเดาสูง มีไฟในที่แคบและละเอียด
แปรเปลี่ยนเป็นลมดันเสียดขึ้นบริเวณตับ
5) อุจจาระเป็นสีเขียว มีกลิ่นหญ้าเน่า เป็นๆ หายๆ แสดงถึงความผิดปกติของธาตุไฟ
อาการเริ่มต้นเหล่านี้ ต้องรีบแก้ไขก่อนที่โรคจะก�าเริบขึ้นแปรเปลี่ยนไปเป็นก้อนและกลายเป็นมะเร็งตับ
ในที่สุด
3. การประเมินคนไข้ พบมีอาการปวดท้อง ระบบขับถ่ายผิดปกติ เสียดตามชายโครง รวมถึงมีอาการแน่นจุก
อาหารไม่ย่อย มีกรดแก๊สหรืออาการกรดไหลย้อน (ซึ่งเชื่อมโยงเกับระบบน�้าดีและการท�างานของตับผิดปกติ) มีอาการ
ปวดศีรษะ ตัวร้อน สะท้านร้อนสะท้านหนาว ไม่มีน�้าตา ปากคอแห้ง กระหายน�้า นัยน์ตาแดงเจ็บในตา ขอบตาเขียว
แสบอก เสียดแทง นอนไม่หลับ มวนท้อง อาเจียน สะอึก
การรักษา
การรักษาโรคมะเร็งตามหลักการแพทย์แผนไทยเป็นการรักษาแบบองค์รวมโดยเน้นการดูแลรักษาด้านจิตใจ
อาหาร และยาสมุนไพร ดังนี้
1. จิตใจ การรักษาจิตเป็นสิ่งส�าคัญ การคิดบวก ยอมรับความจริง ไม่เครียด ท�าใจให้มีความสุข เช่น ขอบคุณ
ที่เป็นมะเร็งท�าให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น ทั้งการกระท�าด้วยกาย วาจา และใจที่ไม่ท�าให้ผู้อื่นเสียใจ กระทบ
จิตใจผู้อื่น การบ�าบัดด้วยดนตรีบ�าบัด การวาดรูป การพูดคุยกับผู้ป่วยที่เป็นช่วยให้เห็นว่าผู้อื่นก็มีความทุกข์เช่นกัน
การปล่อยวางโดยการสวดมนต์ การนั่งสมาธิเป็นหลักและปฏิบัติธรรมเพื่อแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งในอดีตชาติ
และชาติปัจจุบัน การที่ใจจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วไม่ทุรนทุรายไปคิดเรื่องการเจ็บป่วย ท�าให้มีก�าลังใจ ยอมรับ
ความจริงและพร้อมเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดามมาได้อย่างมีสติ สามารถด�ารงชีวิตอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี
2. อาหาร ควรเป็นอาหารที่ไม่มีไขมัน ควรละเว้นเนื้อสัตว์ซึ่งท�าให้เพิ่มการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เพราะ
จากการเลี้ยงเซลล์มะเร็ง เซลล์มะเร็งจะเจริญได้ในน�้าเลือดของวัวทีมีความเข้มข้นเพียง 5-10% เท่านั้น และอาหาร
ที่มีสภาวะด่างรุนแรง เซลล์มะเร็งจะรอดชีวิตน้อย อาหารแสลงที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
1. เนื้อสัตว์และปลาที่เป็นปลาหนังหรือปลาไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาสวาย
2. อาหารหมักดองทุกชนิด ที่ได้มาจากพืชและสัตว์
3. กลุ่มอาหารทะเลทุกชนิด นมจากสัตว์ ไข่แดง
4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มบ�ารุงก�าลัง น�้าอัดลม
5. ข้าวเหนียว เห็ดโคน ผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น ใบกุยช่าย ชะอม
6. ผลไม้ที่มีรสฝาด รสหวานจัด และผลไม้ที่สร้างกรดแก๊สง่าย เช่น ฝรั่งห่าม ทุเรียน ขนุน ล�าไย ละมุด
กล้วยหอม ส้มโอ แตงโม
**กรณีผู้ป่วยที่มีอาการก�าเริบของโรคมาก ควรรับประทานอาหารมังสวิรัติ หลีกเลี่ยงโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์
3. ยาสมุนไพร ต�ารับยาในคัมภีร์การแพทย์แผนไทยที่ใช้ในการรักษามะเร็งมีหลายต�ารับให้เลือกใช้ตามระดับ
โรคและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนใหญ่ประกอบด้วยยาในกลุ่มยาถ่ายพิษ ถ่ายของเสียในร่างกาย ทั้งอุจจาระ
ปัสสาวะ เมื่อมียาที่ช่วยในการรักษาแล้ว ก็จะมียาที่ใช้รักษาอาการไม่สุขสบาย ยาที่ท�าให้ร่างกายแข็งแรง ยาบ�ารุง