Page 116 - วารสารการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 18 ฉบับที่ 3
P. 116
วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก Journal of Thai Traditional & Alternative Medicine
ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2563 Vol. 18 No. 3 September-December 2020
นิพนธ์ต้นฉบับ
การศึกษาฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดปอบิด
พราว ศุภจริยาวัตร , สุจริต อุ่นกาศ , วิจิตรา สุดห่วง , เสกรชตกร บัวเบา , พรชัย สินเจริญโภไคย
†
*,#
*
*
*
* ห้องปฏิบัติการพิษวิทยา สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถนนติวานนท์ อำาเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
† ศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสมุนไพร สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถนนติวานนท์ อำาเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
# ผู้รับผิดชอบบทความ : praw.s@dmsc.mail.go.th
บทคัดย่อ
ปอบิด (Helicteres isora L.) เป็นพืชที่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปและนักวิจัยเป็นอย่างมาก โดยอ้าง
ถึงสรรพคุณในการป้องกันและรักษาโรค รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรปอบิด มีการวางจำาหน่ายและการบริโภคของ
ประชาชนอย่างแพร่หลาย แต่ข้อมูลด้านพิษวิทยาและความปลอดภัยมีอยู่น้อย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
้
การก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดปอบิด 2 รูปแบบ (สกัดด้วยนำาและ 95% เอทานอล) โดยใช้วิธีอ้างอิงจาก OECD test
guideline 471 ใช้เชื้อ Salmonella typhimurium 4 สายพันธุ์ (TA98, TA100, TA1535, TA1537) และ Escherichia
coli WP2 ที่ขนาดทดสอบ 5 ระดับ (625, 1,250, 2,500, 5,000 และ 10,000 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร) ในระบบที่ไม่มี
้
เอนไซม์กระตุ้น ผลการทดลองพบว่าสารสกัดปอบิดด้วยนำา ทุกขนาดทดสอบทุกสายพันธุ์ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ และ
background lawn ปกติ ส่วนสารสกัดปอบิดด้วย 95% เอทานอล ผลการทดลองพบว่า ทุกขนาดทดสอบทุกสายพันธุ์
ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ แต่ในสายพันธุ์ TA100 เกิด killing effect ที่ขนาดทดสอบ 10,000 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร และ
TA1537 เกิด killing effect ที่ขนาดทดสอบมากกว่า 2,500 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นในเบื้องต้น
้
ว่า สารสกัดปอบิดด้วยนำาอาจจะมีความปลอดภัยในการนำามาใช้เป็นส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ในขนาดที่ทดสอบ แต่
สารสกัดปอบิดด้วย 95% เอทานอล หากจะนำามาใช้ ความเข้มข้นต้องไม่เกิน 2,500 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ผลที่ได้จาก
งานวิจัยนี้สามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเรื่องความปลอดภัยและเตือนภัยการใช้ผลิตภัณฑ์ปอบิดแก่ประชาชน
คำ�สำ�คัญ: การก่อกลายพันธุ์, สารสกัดปอบิด, การทดสอบเอมส์
Received date 29/05/20; Revised date 01/10/20; Accepted date 30/10/20
548