Page 38 - วารสารกรมการแพทย์แผนไทยฯ ปีที่ 18 ฉบับที่ 1
P. 38
28 วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ทางเลือก ปีที่ 18 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน 2563
Puataweepong และคณะ (2012) พบว่� ผู้เข้� กลุ่มนี้คือ เห็ดหลินจือ ง�ดำ� และหญ้�ปักกิ่ง ขณะที่
[9]
ร่วมวิจัยมะเร็งที่ตอบแบบสอบถ�มเป็นผู้ป่วยมะเร็ง จ�กร�ยง�นของ Buckner CA. และคณะ (2018)
ในระยะที่ 2 (ร้อยละ 27.41) และ 3 (ร้อยละ 22.58) พบว่�สมุนไพรที่ได้รับคว�มนิยมในผู้ป่วยมะเร็งของ
กลุ่มผู้เข้�ร่วมวิจัยเคยใช้วิธีท�งก�รแพทย์ ประเทศแคน�ด�คือ ช�เขียว ขิง และขมิ้นชัน ขณะ
[12]
ท�งเลือกร่วมรักษ�มะเร็งม�ก่อนร้อยละ 20.34 โดย ที่ในร�ยง�นของ Dogu GG. และคณะ (2014) ระบุ
เป็นก�รใช้สมุนไพรม�กที่สุดคือ สูงถึงร้อยละ 85.97 ว่� สมุนไพรที่ได้รับคว�มนิยมในผู้ป่วยมะเร็งคือ
และอยู่ในรูปแบบสมุนไพรเดี่ยวม�กกว่�คือ ร้อยละ Stinging nettle และผลลูกเกด ซึ่งเหตุผลหลักที่
70.53 และอีกร้อยละ 29.47 เป็นแบบสมุนไพรตำ�รับ สมุนไพรเหล่�นี้ได้รับคว�มนิยมคือ ผู้ป่วยส�ม�รถ
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับก�รศึกษ�ของ Kucukoner ซื้อได้เองจ�กร้�นค้�สุขภ�พทั่วไป แสดงให้เห็น
[13]
M. และคณะ (2013) พบว่� ผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้วิธีก�ร ว่�คว�มสะดวกในก�รเข้�ถึงผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้อง
ท�งก�รแพทย์ท�งเลือกร่วมรักษ�มะเร็งอย่�งน้อย กับพฤติกรรมผู้บริโภคมีผลต่อชนิดของสมุนไพรที่
ร้อยละ 82.5 เลือกใช้สมุนไพรเท่� ๆ กัน และจ�ก เลือกใช้
[10]
ก�รศึกษ�ของ Rashrash M. และคณะ (2017) พบ ยิ่งไปกว่�นั้น ก�รสำ�รวจครั้งนี้พบว่� ในกลุ่มผู้
ว่� ก�รใช้สมุนไพรร่วมรักษ�โรคจะพบได้ม�กในผู้ป่วย เข้�ร่วมวิจัยที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนก�รรักษ�ม�ตรฐ�น
3 กลุ่มโรคคือ โรคหลอดเลือดสมอง (ร้อยละ 48.7), แล้วมีผู้เข้�ร่วมวิจัยจำ�นวน 123 ร�ย (ร้อยละ 18.98)
โรคมะเร็ง (ร้อยละ 43.1) และโรคข้ออักเสบ (ร้อยละ อยู่ระหว่�งรอก�รรักษ�หรือว�งแผนก�รรักษ�ซึ่งเมื่อ
43) แสดงให้เห็นว่� ก�รใช้สมุนไพรร่วมรักษ�ใน วิเคร�ะห์เปรียบเทียบระหว่�งกลุ่มผู้ป่วยร�ยใหม่และ
[11]
ผู้ป่วยมะเร็งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและเกิดขึ้นได้ใน ผู้ป่วยร�ยเก่� พบว่� ผู้เข้�ร่วมวิจัยกลุ่มผู้ป่วยร�ยใหม่
ทุกทวีปทั่วโลก โดยข้อมูลจ�กก�รสำ�รวจนี้แสดงให้ อยู่ระหว่�งว�งแผนหรือรอก�รรักษ�ม�กกว่�ผู้ป่วย
เห็นว่� แม้ผู้ป่วยจะได้รับก�รรักษ�ม�ตรฐ�นครบ ร�ยเก่�อย่�งมีนัยสำ�คัญท�งสถิติ (p = 0.002) คือ
(ร้อยละ 39.50) แล้วแต่ยังคงประสงค์ม�เข้�รับ ม�กกว่�ถึง 2.73 เท่� แสดงให้เห็นคว�มกังวลของผู้ป่วย
ตำ�รับย�สมุนไพร (น�ยแสงชัย แหเลิศตระกูล) ด้วย มะเร็งร�ยใหม่สอดคล้องกับร�ยง�นของ Paul C. และ
สอดคล้องกับเหตุผลในร�ยง�นของ Buckner CA. คณะ (2012) พบว่� ผู้ป่วยมะเร็งกว่�ครึ่งมีคว�มกังวล
และคณะ (2018) กล่�วว่�ส�เหตุหลัก (ร้อยละ 51.61) ในช่วงใดช่วงหนึ่งของก�รรักษ� โดยช่วงที่ผู้ป่วยมะเร็ง
ที่ผู้ป่วยมะเร็งเลือกใช้ก�รแพทย์ท�งเลือกร่วมรักษ� มีสัดส่วนคว�มกังวลสูงสุดคือช่วงระหว่�งหลังตัดสิน
เพร�ะคิดว่�เป็นคว�มพย�ย�มทำ�ทุกอย่�งเพื่อช่วย ใจเข้�รับก�รฉ�ยรังสีจนถึงก�รเข้�รับก�รฉ�ยรังสี
รักษ�โรคตนได้ และร�ยง�นของ Dogu GG. (ร้อยละ 31) รองลงม�คือ ช่วงระหว่�งที่ผู้ป่วยได้รับ
[12]
และคณะ (2014) พบว่� ผู้ป่วยมะเร็งร้อยละ 15.18 ก�รวินิจฉัยมะเร็งเบื้องต้นรอส่งต่อเข้�รับก�รยืนยัน
หันม�เลือกใช้ก�รแพทย์ท�งเลือกเพร�ะผู้ป่วยไม่ได้ ผลวินิจฉัยจ�กแพทย์ผู้เชี่ยวช�ญ (ร้อยละ 28) และ
รับประโยชน์จ�กก�รแพทย์ม�ตรฐ�นแล้ว [13] ช่วงระหว่�งหลังตัดสินใจเข้�รับก�รให้เคมีบำ�บัดจนถึง
สิ่งที่น่�สนใจจ�กก�รศึกษ�ครั้งนี้ซึ่งพบว่� ก�รเข้�รับเคมีบำ�บัด (ร้อยละ 28) ดังนั้นระยะเวล�
[14]
สมุนไพรเดี่ยวที่ได้รับคว�มนิยมจ�กผู้ป่วยมะเร็ง รอคอยเพื่อรับก�รยืนยันวินิจฉัยมะเร็งและก�รเข้�รับ