งานแถลงข่าว อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้าน
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 11.00 น. ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกพร้อมคณะ ร่วมแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับการใช้ศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยมะเร็งว่า ทุกวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่องค์การอนามัยโลกและสมาคมต่อต้านมะเร็งสากล กำหนดให้เป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อบรรเทาปัญหาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง หลังจากพบว่ามะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก ด้วยโรคมะเร็ง โดยอัตราการป่วยของโรคมะเร็งที่พบในกลุ่มผู้ชายได้แก่ มะเร็งตับ ปอด ลำไส้และทวารหนัก ต่อมลูกหมากและมะเร็งเม็ดเลือดขาวในกลุ่มผู้หญิง ได้แก่ มะเร็งเต้านม ตับ ปากมดลูก ปอดลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
ตามคัมภีร์การแพทย์แผนไทยมีการกล่าวถึงคำว่า “มะเร็ง” หมายถึง โรคร้ายที่เรื้อรังรักษายาก เช่น การเรียกโรคที่อยู่ในกลุ่มฝี ก็เรียก “ฝีมะเร็ง ฝีกาฬ” หรือลักษณะแผลเนื้อร้าย เป็นก้อน มีการติดเชื้ออักเสบ เน่าเปื่อย ลุกลาม รักษายาก เป็นต้น ส่วนทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ให้ความหมายคำว่า “มะเร็ง”หมายถึง กลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ ที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็จะทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการ เจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะ เรียกชื่อ มะเร็ง ตามอวัยวะนั้น
ซึ่งในตำราการแพทย์แผนไทย พบว่ามีตำรับยาไทย และภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน ที่มีการใช้สมุนไพรในรูป ของยาตำรับใช้รักษาอาการดังกล่าวจำนวนมาก จากฐานข้อมูลภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยสำนักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เกี่ยวกับตำรับยาแผนไทยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเรื้อรัง มีจำนวน 12,428 ตำรับ ซึ่งรวบรวมจากสำนักนายทะเบียนจังหวัดทั่วประเทศ ในจำนวนดังกล่าวเป็นตำรับยารักษาโรคมะเร็งจำนวน 3,115 ตำรับนอกจากตำรับยาจากทั่วภูมิภาค ที่มีการจดแจ้งไว้ในฐานข้อมูลแล้ว ขณะนี้กรม พัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยได้ นำสูตรยาสมุนไพรโบราณที่เรียกว่า เบญจอำมฤตย์ ซึ่งเป็นสูตรยาในคัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ประกอบด้วยมหาหิงค์ ยาดำบริสุทธิ์รงทอง มะกรูด ขิงแห้ง ดีปลี พริกไทย รากทนดี และดีเกลือ มาทำการศึกษาถึงประสิทธิภาพความปลอดภัย ยาตำรับนี้มีสรรพคุณในการต้านเซลล์มะเร็ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทย รายงานว่าตัวยาดังกล่าว สามารถใช้รักษาโรคมะเร็งตับได้ เนื่องจากมีสารที่ได้จากรงทอง มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง เมื่อปี 2554 กรมได้ศึกษาร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการทดสอบในระดับหลอดทดลองพบว่ามีประสิทธิภาพต้านเซลล์มะเร็งได้ เร่งการทดลองในระดับคลินิก หรือในมนุษย์
นอกจากการบำบัดรักษาด้วยยาแล้ว การดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวม ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะเน้นธรรมชาติบำบัด มีวิธีการทางการแพทย์ทางเลือกมากมายที่ผู้ป่วยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดูแลตนเอง เช่น การทำสมาธิบำบัด ธรรมชาติบำบัด ดนตรีบำบัด และวิธีการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ รวมถึงสมุนไพรที่ถูกนำมาเป็นทางเลือกในการบำบัดโรคมะเร็งด้วยกลุ่ม พืชผักสมุนไพร ที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร มะตูม มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัส และต้านการอักเสบ บัวบก ต้านการออกซิไดส์และการอักเสบ ว่านหางจระเข้ มีฤทธิช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลูกใต้ใบ รักษาโรคจากไวรัสต่างๆ
สรุปโดยรวมของการดูแลผู้ป่วยมะเร็งมีหลักสำคัญ 4 อย่าง คือ บำรุงสุขภาพ รักษาโรค การคืนสู่สภาพปกติ และสภาพจิตใจ มีหลักสำคัญคือ หาสาเหตุที่ทำให้ร่างกายขาดความสมดุลย์ และแก้ไขส่วนขาด ลดส่วนเกิน ทฤษฎีของการแพทย์ทางเลือกเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มีดังนี้ 1. งดโปรตีนจากสัตว์ระยะหนึ่ง เพราะโปรตีนจากสัตว์จะเป็นสารที่เร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 2. งดไขมันจากสัตว์ เพราะไขมันจากสัตว์จะไปเร่งขบวนการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์เสริมให้มะเร็งโตเร็วขึ้น 3.งดการใส่น้ำตาล ลงในอาหารหรือเครื่องดื่มทุกชนิด 4.งดอาหารที่มีรสเค็มจากเกลือหรือน้ำปลาที่ปรุงในอาหารเพื่อป้องกันภาวะโซเดียมเกิน 5.รับประทานผักที่ปลอดสารพิษเช่นผักที่ปลูกเอง ซึ่งผักมีแร่ธาตุที่สำคัญและวิตามินต่าง ๆ มากมายและไม่เป็นการเพิ่มสารพิษเข้าสู่ร่างกายจากผัก พร้อมทั้งมีกากอาหารเพื่อดูดซับสารพิษให้ออกจากร่างกาย โดยเฉพาะน้ำผักปั่น แบบต่าง ๆทานสม่ำเสมอทุกวัน 6.พักผ่อนให้เพียงพอ โดยควรนอนหลับก่อน 21.00 น. 7.ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวันอย่างน้อยวันละ 15 นาที โดยใช้โยคะ ชี่กง หรือฤาษีดัดตน 8.ทำจิตใจให้แจ่มใส โดยการฝึกทำสมาธิหรือเดินจงกรมอย่างน้อยวันละ 15 นาที เพราะผลเสียของความเครียดจะกดภูมิต้านทานร่างกายให้ต่ำลง 9.สวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ตามความเชื่อของแต่ละศาสนาทำสม่ำเสมอทุกวัน นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่สามารถปฏิบัติเองได้ง่ายๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้ป่วยมะเร็ง