Page 3 - จุลสารกรมแพทย์แผนไทยฯ ประจำเดือนธันวาคม
P. 3
ลมหนาวเริ่มจะพัดมาในช่วงปลายปีเช่นนี้ สมุนไพร
อุณหภูมิที่ลดลงในช่วงฤดูหนาวส่งผลทำให้
ความชุ่มชื้นที่มีอยู่ในผิวลดลง ทำให้หลายคน
ประสบปัญหาผิวแห้ง ผิวแตก ลอกเป็นขุย ผู้ช่วยดูแลผิวพรรณ
และอาจมีอาการคันยิบๆ ตามมาซึ่งเกิดขึ้นได้
กับทุกเพศทุกวัย การดูแลผิวในฤดูหนาวนั้น ในช่วงฤดูหนาว
เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย สมุนไพรจัดเป็นอีก
หนึ่งตัวช่วยจากธรรมชาติที่สามารถหาได้ง่าย
ใกล้ตัว ดังนี้ ภญ.ภรณ์ทิพย์ จันทร์หอม
ว่านหางจระเข้ (Aloe) มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Aloe vera (L.) Burm. f. วุ้นจากใบว่างหาง
จระเข้เมื่อทาผิวแล้วจะช่วยเป็นเกราะกำบังอันตรายจากความแห้ง ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิว
ได้อย่างยาวนานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาอาการแสบร้อนจากแสงแดดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เพียงแค่ใช้วุ้นจากใบว่านหางจระเข้นำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้าหรือบริเวณผิวที่ต้องการ
ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นสดใสและดูเต่งตึงขึ้น ข้อควรระวัง
คือ หากใช้สด ควรระวังสาร anthraquinone จากยาง ซึ่งอาจทำให้แพ้ได้ ดังนั้น ควรล้างวุ้น
ให้สะอาด และวุ้นว่านหางจระเข้นั้นมีความไม่คงตัว ถ้าปอกแล้วควรเก็บไว้ใช้เพียง 6 ชั่วโมง
ปัจจุบัน มีเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ ที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
ใบบัวบก (Asiatic pennywort) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Centella asiatica (L.)
Urban. ใบบัวบกมีสาร asiaticoside, asiatic acid และ madecassic acid ซึ่งมีฤทธิ์
สมานแผลและลดการอักเสบ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวให้
ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ วิธีใช้คือ นำใบบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปปั่น
รวมกับน้ำสะอาดให้ละเอียด จากนั้นจึงนำมาพอกหน้าหรือใช้สำลีชุบทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้
ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือจะนำไปผสมกับน้ำผึ้งแล้วพอกให้
ทั่วใบหน้า ก็ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้
มะกรูด (Kaffir lime) มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Citrus hystrix DC. คนสมัยก่อน
นิยมใช้ผลมะกรูดในการบำรุงผิวพรรณในช่วงหน้าหนาว เพราะในผลของมะกรูดมีน้ำมันที่
ผิวของมะกรูดอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถแทรกซึมสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี มีสรรพคุณช่วย
ให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายหลุดลอกออกไป และช่วยกระตุ้นให้มี
การสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมา ผิวบริเวณที่หยาบกร้านจะขาวเนียนนุ่มขึ้น วิธีใช้คือ นำมะกรูด
มาผ่าซีกลงในหม้อต้มเป็นน้ำอาบเพื่อทำความสะอาด
น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Cocos nucifera L. น้ำมัน
มะพร้าวเป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ผลการศึกษาพบว่า เมื่อนำ
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มาใช้กับผิวหนังสามารถเร่งการรักษาบาดแผลได้ และการทดสอบ
การใช้ในด้านการดูแลผิวพรรณ พบว่ามีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการสูญ
เสียน้ำในผิวที่แห้งได้เป็นอย่างดี
น้ำมันงา (Sesame Oil) มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Sesamum orientale L. น้ำมันที่
สกัดจากงา มีสรรพคุณมากมายหลายอย่าง รวมถึงประโยชน์ด้านผิวพรรณด้วย เพราะ
น้ำมันงาสามารถซึมลึกสู่เนื้อเยื่อของร่างกายได้รวดเร็ว มีลักษณะคล้ายน้ำมันผิวหนังมนุษย์
มากที่สุด ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีคุณสมบัติพิเศษต้านการลุกลามของผื่นหรือแผล จึงช่วย
ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งแตก ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มนวล อีกทั้งยังมีสารป้องกันการเหม็นหืนตาม
ธรรมชาติอีกด้วย