Page 57 - วารสารการแพทย์แผนไทย ปีที่ 20 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2565
P. 57
J Thai Trad Alt Med Vol. 20 No. 2 May-Aug 2022 255
[3]
(dopamine) ซึ่งจะท�าให้ระดับโปรแลคตินสูงขึ้น 1 ดังนั้นการหายาทางเลือกอื่นเพื่อน�ามาใช้ทดแทน
อย่างไรก็ตามการใช้ยาทั้งสองชนิดยังมีข้อจ�ากัดอยู่ ยาแผนปัจจุบันเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษา การ
ได้แก่ ยาเมโทโคลพราไมด์มีผลข้างเคียงต่อระบบ ใช้สมุนไพรในการกระตุ้นน�้านมเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ประสาทส่วนกลาง และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึม แม้ว่าสมุนไพรเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ผ่านการประเมิน
[3]
เศร้า นอกจากนี้ยังพบว่ายาเมโทรโคลพราไมด์ ถูก ทางวิทยาศาสตร์แต่มีการใช้อย่างแพร่หลายตามค่า
ขับออกทางน�้านมมารดา แม้ว่าจะประมาณว่าทารก นิยมและวัฒนธรรมท้องถิ่นจากการใช้มาเป็นเวลานาน
ได้รับในปริมาณน้อยกว่าร้อยละ 10 ของขนาดที่แม่ ไม่พบว่ามีอันตรายและมีประสิทธิผลดีโดยไม่ทราบ
ได้รับเมื่อปรับด้วยน�้าหนักตัวแล้ว อย่างไรก็ตามหาก กลไกการออกฤทธิ์ [5]
ระดับยาถึงขนาดที่ออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาได้จะท�าให้ การศึกษาที่ผ่านมาเกี่ยวกับการใช้ต�ารับยา
เกิดการเพิ่มขึ้นของระดับโปรแลคตินและอาจมีผล สมุนไพรในสตรีหลังคลอดนั้น มีการศึกษาผลของ
ข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารของทารกได้ แม้ว่า ต�ารับยาสมุนไพรหลังคลอดของโรงพยาบาลกาบเชิง
การศึกษาส่วนใหญ่จะรายงานว่าไม่พบผลข้างเคียงใน ต่อการหดรัดตัวของมดลูก การขับน�้าคาวปลา และ
ทารกที่ดื่มน�้านมมารดาที่ใช้ยาเมโทโคลพราไมด์ แต่ สุขภาพโดยรวม พบว่ากลุ่มที่ใช้ยามีการหดรัดตัวของ
พบว่าหลายการศึกษาไม่ได้มีการสังเกตผลข้างเคียงที่ มดลูก การขับน�้าคาวปลา และสุขภาพโดยรวมดีกว่า
[6]
เพียงพอ ส�าหรับยาดอมเพอริโดนซึ่งไม่ได้รับการ กลุ่มที่ไม่ใช้ยา นอกจากนี้ยังมีการทดลองเปรียบ
[4]
รับรองให้ใช้ในสหรัฐอเมริกาจากเหตุผลของการเพิ่ม เทียบประสิทธิผลของยาดอมเพอริโดนและยาประสะ
ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ จาก น�้านมในการกระตุ้นการหลั่งน�้านมในมารดาแรกคลอด
ผลการศึกษาโดยการส�ารวจหญิงหลังคลอดที่ได้ ในโรงพยาบาลหนองบัวล�าภู จังหวัดหนองบัวล�าภู พบว่า
รับยาเมโทโคลพราไมด์หรือยาดอมเพอริโดนเพื่อ การใช้ยาประสะน�้านมซึ่งเป็นยาประสะน�้านมแผนโบราณ
กระตุ้นน�้านมจ�านวน 1,990 คน ใน 25 ประเทศ พบ ที่ปรุงขึ้นจากสมุนไพรให้ผลในการกระตุ้นน�้านมให้
ว่า มารดาหลังคลอดที่ใช้ยาเมโทโคลพราไมด์เพื่อ ไหลได้เร็วกว่าการไม่ใช้ยาอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ
กระตุ้นน�้านม มีอาการซึมเศร้าถึง ร้อยละ 12.1 และ และดูเหมือนจะกระตุ้นได้ดีกว่ายาดอมเพอริโดน แต่
พบอาการข้างเคียงทางระบบประสาทส่วนกลางอื่น ๆ พบได้น้อยและไม่มีนัยส�าคัญทางสถิติ [7]
ร่วมด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการข้างเคียงเหล่านี้พบ ตามที่งานอนามัยแม่และเด็ก กระทรวง
ได้มากกว่าการใช้ยาดอมเพอริโดนอย่างมีนัยส�าคัญ สาธารณสุขได้ตั้งเป้าหมายอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนม
ทางสถิติ (p < 0.05) อย่างไรก็ตามการใช้ยาดอมเพอ- แม่อย่างเดียวครบ 6 เดือน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จาก
ริโดนพบผลข้างเคียงท�าให้น�้าหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ การทบทวนข้อมูลในปี 2551–2554 พบว่าอัตราการ
ถึงร้อยละ 11.7 และมีอาการข้างเคียงต่อระบบ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวครบ 6 เดือน ของมารดา
ทางเดินอาหารเช่น ปากแห้ง ท้องเสีย หรือท้องผูก ในเขต อ.หนองสองห้อง คือ ร้อยละ 21.42 ร้อยละ
ได้มากกว่ายาเมโทโคลพราไมด์อย่างมีนัยส�าคัญทาง 25.58 ร้อยละ 27.40 และ ร้อยละ 28 ตามล�าดับ ปัญหา
[3]
สถิติ (p < 0.05) ส่วนผลที่ท�าให้เกิดอาการใจสั่นของ ส่วนใหญ่ที่หญิงหลังคลอดประสบ คือ น�้านมไม่มา
ยาทั้งสองพบในอัตราใกล้เคียงกันประมาณร้อยละ หรือมาน้อย เต้านมคัดตึง และปวด จากการสอบถาม